tag:blogger.com,1999:blog-337348652024-03-13T09:55:01.361+07:00LUSh Indie Magazineลัช นิตยสารอินดี้ ว่าด้วยวรรณกรรม ศิลปะ ดนตรี หนัง และเรื่องสุนทรีย์ของคนร่วมสมัย
อยากอ่านแบบกระดาษ ร้านหนังสือเดินทาง ถนนผ่านฟ้า, ร้านประตูสีฟ้า เอกมัยซอย 10 มีขายจ้าlushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.comBlogger31125tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-86630995567513595972009-04-15T04:07:00.003+07:002009-04-15T04:13:45.315+07:00นิตยสารลัช เลื่อนออกถึงสมาชิก และมิใช่สมาชิก<br />ผมขอเลื่อนการออกนิตยสารออกไปอีกเป็นครั้งที่สอง สาเหตุจาก ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ส่งผลให้เกิดความผันผวนทางการเงิน การเสี่ยงลงทุนกับหนังสือที่มีคนสนใจกลุ่มน้อย จึงเป็นเรื่องน่าเศร้าในสังคมขาดพร่องปัญญาอย่างสังคมไทย<br />พูดง่ายๆ ไม่มีเงินทุนผลิต ไม่มีเวลาที่จะให้ความเข้มข้นกับการทำนิตยสาร<br />ข่าวคราวความคืบหน้า จะนำมารายงานต่อไปครับ<br />บรรณาธิการlushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-71407587019693141582008-04-09T15:09:00.004+07:002008-12-10T09:52:33.287+07:00LUSh ฉบับที่ 8<a href="http://4.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/R_x6Fzim5cI/AAAAAAAAADg/O5z8vNwNXdo/s1600-h/lush8.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://4.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/R_x6Fzim5cI/AAAAAAAAADg/O5z8vNwNXdo/s320/lush8.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5187155110977267138" /></a><br /><br />ลัช เล่ม 8 ฉบับคร่อมข้ามวัฒนธรรม<br />เรื่องของญี่ปุ่นเกี่ยวพันกับไทย สัมภาษณ์ โมโมโกะโมชั่น เจาะลึกก่อนเธอกลับญี่ปุ่น<br />มูราคามิ ปะทะ มูราคามิ ใครแน่กว่ากัน<br />ศิลปินรุ่นยาย ยาโยอิ คุซามา<br />โซระ อาโออิ กับธุรกิจหนังเอวีlushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-43414087521570823462007-10-19T22:24:00.000+07:002008-12-10T09:52:33.503+07:00ลัช 7 ฉบับศิลปะฟักการเมือง<a href="http://2.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RxjNjoll7bI/AAAAAAAAADY/DYJWoBOcMF4/s1600-h/coverlush7400.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://2.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RxjNjoll7bI/AAAAAAAAADY/DYJWoBOcMF4/s320/coverlush7400.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5123070588208147890" /></a><br /><br />โอย รอมานาน ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ออกอีกครั้ง<br />ลัชเล่มใหม่ เล่ม 7 แล้ว ถึงจะใช้เวลานานเราก็ออกนะ<br />ฉบับนี้เล่นเรื่องการเมืองรับเดือนตุลา เดือนแห่งการเมืองระอุสองช่วงปี<br /><br />สัมภาษณ์วสันต์ สิทธิเขตต์ ศิลปินที่ยึดแนวทางศิลปะเพื่อสังคมมาอย่างยาวนาน (ศิลปาธร สาขาทัศนศิลป์ ปี 2550)<br />เรื่องของพร็อพาแกนดา สงคราม การเมือง<br />สัมภาษณ์สินธุ์สวัสดิ์ ยอดบางเตย สมาชิกแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ผู้ทำงานศิลปะต้านการเมือง(เลว) มาตั้งแต่ตุลาคม 2516<br />แอนเจลา เดวิส, วินเซนต์ กัลโล ก็มากะเขาด้วย<br />คอลัมน์อื่นๆ ก็เต็มเพียบด้วยสาระครบครันlushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-56578941453711211072007-05-13T10:44:00.000+07:002007-05-13T14:42:55.951+07:00It's rainingไม่รู้ว่าอะไรดลให้ฝนตกติดต่อกันหลายวัน<br />ปลวกที่อยู่ในดินก็เลยเฮโลสร้างไฮเวย์เข้าบ้าน<br />เลยต้องจัดการเขี่ยๆ แล้วพ่นยาเสียหน่อย<br />อันที่จริงมันก็ไม่ได้มีจำนวนมากมายหรอก<br />แต่ลองมันได้รู้ทางเข้าแล้ว<br />ครั้งต่อไปมันก็ยกพลได้ง่ายขึ้น<br />ห่วงก็แต่กองหนังสือที่อยู่บนพื้น<br />เพราะถ้าปลวกมันลักลอบมาทางซอกผนังก็คงมองไม่เห็น<br />ช่วงนี้ก็เลยต้องตรวจตราให้ถ้วนถี่<br />ยังไม่ถึงขั้นต้องจัดเวรยาม<br />แต่ว่า แถวไหนมีตัวกินมดขาย ช่วยบอกให้รู้ด้วย<br />จะไปซื้อมาเลี้ยงlushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-59997537566506972522007-04-19T07:08:00.000+07:002008-12-10T09:52:34.229+07:00Gottfried Helnwein - ความหม่นงามในความโหดร้าย<a href="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/Ria12hUkncI/AAAAAAAAADI/XWpsSXgvchA/s1600-h/gh2252.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/Ria12hUkncI/AAAAAAAAADI/XWpsSXgvchA/s320/gh2252.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5054927580032179650" /></a><br />“ผมเรียนรู้ศิลปะจากโดนัลด์ดั๊ก มากกว่าจากสถาบันศิลปะทุกแห่งที่ผมเคยเรียนเสียอีก” เป็นคำพูดของกอตต์ฟรีด เฮลน์ไวน์ศิลปินที่มีงานศิลปะหลากหลาย ทั้งภาพวาดภาพถ่าย ศิลปะจัดวาง ศิลปะการแสดงและเทคนิคการสร้างภาพอีกสารพัด งานศิลปะของเขาแสดงออกถึงความงามอันหม่นหมอง หดหู่ และน่ากลัว<br /><br /> เฮลน์ไวน์เป็นศิลปินร่วมสมัยที่สร้างงานอย่างต่อเนื่อง ช่วงแรกที่เริ่มทำงานศิลปะเขามักเขียนภาพโดยเทคนิคสีน้ำหรือไม่ก็วาดเส้นด้วยดินสอสี ต่อมาก็เริ่มถ่ายภาพและสนใจการสร้างภาพขนาดใหญ่โดยใช้สีน้ำมันและสีอะครีลิค รวมทั้งเทคนิคสื่อผสม<br /><br /> เฮลน์ไวน์เกิดที่กรุงเวียนนา ในปี ค.ศ. 1948 หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดได้สามปี ในวัยเด็กเขาพบเห็นแต่ภาพโหดร้ายทารุณ ผลพวงของสงคราม ความย่อยยับของบ้านเมือง ผู้คนพิกลพิการ แทบทุกแห่งไม่มีรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะ ไม่มีเสียงเพลง มีแต่เสียงร่ำไห้สลับกับความเงียบงัน งานศิลปะทุกอย่างถูกกองทัพเยอรมันทำลายพินาศ<br /><br /> แม้เฮลน์ไวน์จะเข้าได้เรียนที่สถาบันศิลปะในกรุงเวียนนา (ที่เดียวกับที่เคยปฏิเสธที่จะรับฮิตเลอร์เข้าเรียน) แต่เขาก็ถูกไล่ออก เนื่องจากเขียนภาพฮิตเลอร์ด้วยเลือดของตัวเองเป็นงานส่งอาจารย์<br /><br /> เขาได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอเมริกันในยุค 50 จากการหลากไหลของวัฒนธรรมหลังสงครามสงบ ทั้งสินค้า ดนตรี ภาพยนตร์หรือแม้แต่การ์ตูนจากดิสนีย์แลนด์ เป็นการเปิดโลกจากด้านหม่นมืดสุดกู่ สู่อีกด้าน เฮลน์ไวน์ถึงกับกล่าวว่าเพิ่งได้พบเจอโลกจริงก็ตอนนี้<br /><br /> งานสำคัญๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเฮลน์ไวน์คือภาพเกี่ยวกับเด็กที่ดูงดงามในความน่ากลัว เขากล่าวว่า เด็กเป็นผู้ที่ถูกกระทำได้ง่ายที่สุด ทั้งจากการล่อลวง ข่มขืน การทำร้าย ภาพเขียนและภาพถ่ายที่ดูเหมือนจริงแต่บิดเบี้ยวเหนือจริงจากความทรมาน รวมทั้งภาพถ่ายปกอัลบั้มวงแรมสไตน์ วงดนตรีเมทัลจากเยอรมัน<br /><br /><a href="http://2.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RijT23vk2cI/AAAAAAAAADQ/TYn6bwLyFSI/s1600-h/Poster_Sehnsucht.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://2.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RijT23vk2cI/AAAAAAAAADQ/TYn6bwLyFSI/s320/Poster_Sehnsucht.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5055523521353275842" /></a><br /><a href="http://2.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/Ria0jRUknbI/AAAAAAAAADA/JZdjdBTVLbA/s1600-h/gh164.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://2.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/Ria0jRUknbI/AAAAAAAAADA/JZdjdBTVLbA/s320/gh164.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5054926149808070066" /></a><br />เฮลน์ไวน์ขณะวาดภาพ "Head of a child 2" ในปี 1998 เทคนิคสีน้ำมันและอะครีลิคบนผ้าใบ<br /><br /> แม้งานศิลปะของเขาจะเป็นที่ชื่นชอบของคนบางกลุ่ม แต่ก็มีคนอีกกลุ่มที่ไม่ชอบงานของเขา ในช่วงปี 1980 การแสดงงานที่กำแพงเมืองโคโลญน์ ภาพวาดเด็กขนาดใหญ่เรียงยาวกว่าร้อยเมตร ถูกมือมืดกรีดภาพทุกภาพขาดเสียหาย เฮลน์ไวน์ได้นำเทปกาวมาแปะทับแล้วแสดงงานต่อไปตามกำหนดเดิม และอีกครั้งกับการแสดงงานที่เยอรมันที่ภาพเขียนถูกเผาเสียหาย แต่เขากลับไม่ได้ถือโกรธมากนัก กลับคิดว่าเป็นการแสดงศิลปะจัดวางอีกรูปแบบหนึ่ง<br /><br /> เฮลน์ไวน์ได้ร่วมงานกับคนสำคัญมากมายในแทบทุกวงการทั้งแอนดี้ วอร์ฮอล, คีธ ฮาร์ลิ่ง, มิค แจ็คเกอร์, ชาร์ลส์ บูคาวสกี้, วิลเลียม เบอร์โรว์, มาริลีน แมนสัน, ฌอน เพนน์<br /><br /> นอกจากนั้นเขายังออกแบบและจัดแสงเวทีละคร ออกแบบเครื่องแต่งกายโอเปร่าซึ่งได้รับรางวัลด้านการละครหลายรางวัล<br /><br /> ในปี 1990 เฮลน์ไวน์เริ่มนำคอมพิวเตอร์มาสร้างงาน ทั้งใช้เทคนิคผสมกับสีน้ำมัน เขาบอกว่าเขาคำนึงถึงผลที่ออกมามากกว่าจะสนใจในเทคนิคการสร้างงาน เขาจะสร้างงานที่ตอบสนองอารมณ์คนดูงานมากกว่าที่จะเน้นการทำงาน เหมือนกับนักมายากล หากคนดูมุ่งให้ความสำคัญกับวิธีการเล่น มันก็ดูไม่เป็นมายากล<br /><br /> หลังจากอาศัยที่เยอรมันนานกว่าสิบปี เฮลน์ไวน์เริ่มมองหาที่อยู่ใหม่ ในที่สุดเขาก็ย้ายครอบครัวเข้าไปอยู่ในไอร์แลนด์ ช่วงแรกเขาอาศัยอยู่ในดับลิน เมืองหลวงของไอร์แลนด์ แต่หลังจากตระเวนแสดงงานที่สหรัฐอเมริกา เมื่อกลับมาที่ไอร์แลนด์อีกครั้ง เขาจึงย้ายไปอยู่ที่เมืองทิปเพอรารี่ ในบ้านทรงปราสาทหลังใหญ่ที่มีบริเวณกว้างขวางกว่าเดิม ซึ่งเขาใช้เป็นทั้งที่อาศัยและสตูดิโอทำงาน.lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-37900506284651350962007-04-18T11:15:00.000+07:002007-04-18T11:17:37.660+07:00hot hot heatThis day, I found myself in inferno.<br />Tomorrow I will be in hell.lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-90726963832412977612007-04-16T16:09:00.000+07:002008-12-10T09:52:34.541+07:00Band of Horsesอากาศร้อนกลางสงกรานต์ ไม่มีกะจิตกะใจทำงานเลย วันก่อนติดป้ายไฟไฮเนเก้นหน้าบ้าน เอาไว้สร้างบรรยากาศตั้งวงสุรา<br />ยามเช้าในวันเงียบสงบ เพราะผู้คนรอบข้างหลบสงกรานต์ไปที่อื่นกันหมด มีเวลาว่างระหว่างดื่มกาแฟ นั่งอ่าน <em><strong>ไร้เลือด (Senza sanque)</strong></em> งานเขียนของอเลซซานโดร บาริกโก ใช้เวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมงก็อ่านจบ ทำไมถึงไม่รู้สึกอะไรกับมันก็ไม่รู้ขณะที่คนอื่นที่อ่านแล้วบอกว่ามันดี<br /><br />อ่านหนังสือเล่มนั้นจบแล้วรู้สึกหนืดๆ เลยนึกถึงเพลงหนืดๆ ของวงนี้ วง <a href="http://bandofhorses.com/">Band of Horses</a> วงอเมริกันอินดี้ จากซีแอตเทิ่ล สังกัดค่าย Sup pop<br /><br /><a href="http://2.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RiNCx395i8I/AAAAAAAAAC4/HZTfJA2W4RM/s1600-h/bandofhorses_17jun06.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://2.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RiNCx395i8I/AAAAAAAAAC4/HZTfJA2W4RM/s320/bandofhorses_17jun06.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5053956631444425666" /></a><br /><br />ลองฟัง 3 เพลงนี้ เพื่อสร้างความหนืดด้วยกัน โลกมันน่ามอดไหม้ให้เป็นจุณนัก<br />วง Band of Horses<br />- <a href="http://whereisyourmind.com/MP3/2006/16_the_funeral.mp3">Funeral</a><br />- <a href="http://bandofhorses.com/mp3/wicked.mp3">For Wicked Gil</a><br />- <a href="http://bandofhorses.com/mp3/dingle.mp3">I Lost My Dingle On The Red Line</a>lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-23502495887870107092007-03-26T11:17:00.000+07:002008-12-10T09:52:34.717+07:00LUSh Cartoon in LUSh volume 3<a href="http://4.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RgdJp7Y3q5I/AAAAAAAAACs/T9yBU6DM-34/s1600-h/lushtoon3.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://4.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RgdJp7Y3q5I/AAAAAAAAACs/T9yBU6DM-34/s320/lushtoon3.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5046082892157397906" /></a><br /><br />ความจริงแล้ว การ์ตูนในหนังสือเป็นขาวดำ แต่ผมลองทำเป็นสีดูlushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-33721655162439218152007-03-26T11:07:00.000+07:002008-12-10T09:52:35.233+07:00ใบสมัครสมาชิกหนังสือลัช<a href="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RgdHYrY3q4I/AAAAAAAAACk/bNZp-TXHMHA/s1600-h/subscription.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RgdHYrY3q4I/AAAAAAAAACk/bNZp-TXHMHA/s320/subscription.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5046080396781398914" /></a><br /><br />คลิกเพื่อดาวน์โหลด หรือจะคัดลอกแบบฟอร์มก็ได้นะlushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-30502876553656459322007-03-24T12:35:00.000+07:002008-12-10T09:52:35.637+07:00ลัช เล่ม 6 ออกแล้ว ปลายมีนาคมนี้แน่นอน<a href="http://2.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RgS5ILY3q3I/AAAAAAAAACc/l8pkxOu2OP4/s1600-h/lush6.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://2.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RgS5ILY3q3I/AAAAAAAAACc/l8pkxOu2OP4/s320/lush6.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5045361032708991858" /></a><br /><br />รอนานเหมือนเคย แต่ว่าคุ้มค่าน่าอ่าน<br />ลัช เล่ม 6 / ฉบับดีเจ ดนตรี indie ฟุตบอล<br />สัมภาษณ์ 3 ดีเจสาวจากคลื่น the radio 99.5 <br />สกู๊ปอินดี้, สนามฟุตบอลคลาสสิค, Nate Williams modern illustrator, มองหนัง factotum, กระดิกหู Thom Yorke กับอัลบั้ม The Eraser<br />ฟังรายการวิทยุคลื่น the radio ที่นี่<br /><a href="http://theradio.siamportals.com/">The Radio</a><br /><br />อยากอ่านแบบออนไลน์ รออีกสักนิดlushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-78204911979797532732007-01-01T13:53:00.000+07:002008-12-10T09:52:35.846+07:00m. ward - post war<a href="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RZiwF4LNU-I/AAAAAAAAACQ/K2AcFt8DN8U/s1600-h/mwardpostwar.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RZiwF4LNU-I/AAAAAAAAACQ/K2AcFt8DN8U/s320/mwardpostwar.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5014951800102278114" /></a><br /><br />เพลงของชายหนุ่มร่างผอมจากปอร์ตแลนด์ ทั้งร้อง แต่งเพลง และเหมาเล่นดนตรีเอง กับซาวนด์ดนตรีที่นวลละมุนผิดแผกจากร็อกอเมริกันทั่วไป ลองฟัง go to home เพลงจากอัลบั้ม Post War นี้ที่<br /><a href="http://www.betterpropaganda.com/artist_page.asp?id=804">M.Ward - Go To Home</a>lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-90659660584642223902007-01-01T13:49:00.000+07:002008-12-10T09:52:36.041+07:00พ่อ หมูของเขาและตัวฉัน<a href="http://4.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RZivRILNU9I/AAAAAAAAACE/MFQRH2PpZE4/s1600-h/fatherpigandme.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://4.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RZivRILNU9I/AAAAAAAAACE/MFQRH2PpZE4/s320/fatherpigandme.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5014950893864178642" /></a><br />สำหรับใครที่เคยมองวรรณกรรมเยอรมันว่าหนัก อ่านยาก ไม่ว่าจะเป็นงานของกึนเทอร์ กราส หรือแพทริค ซึคคึน อันเป็นงานสมัยใหม่ที่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย และได้รับความสนใจในหมู่นักอ่านประเภทฮาร์ดคอร์ อาจเปลี่ยนความคิดเมื่อได้อ่าน <strong>พ่อ หมูของเขาและตัวฉัน</strong> คือวรรณกรรมเยอรมันร่วมสมัยที่อ่านง่ายและน่าสนใจ เรื่องราวแต่ละบทเป็นเหมือนบันทึกช่วงชีวิตของผู้เขียน คือ ยานา แชร์เรอร์ มีแง่มุมแปลกๆ ที่บางครั้งเรามองข้ามไป ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงภาพถ่ายขาวดำ กับสีผิวของคนที่เธอเกี่ยวข้องด้วย การเช่าหมูมาเลี้ยง การได้รับของขวัญวันเกิดเป็นนักเขียนตัวเป็นๆ อย่างกึนเทอร์ กราส<br />ยานาเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย ดูเหมือนเป็นความเรียงของเด็ก แต่เธอหยิบเอาศิลปะการเล่าเรื่องที่มีลูกล่อลูกชนเข้ามาแต้มแตะทีละจุ เหมือนกับการระบายสีด้วยรูปทรงง่ายๆที่ละจุดจนกลายเป็นภาพเขียนผืนใหญ่lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-37160570078169869972006-12-13T17:07:00.000+07:002008-12-10T09:52:36.338+07:009 songs บรรเลงเพลงร็อค ระเริงเพลงรัก<a href="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX_Q8Bi9wrI/AAAAAAAAAB4/jBC5esvUxBc/s1600-h/9songs.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX_Q8Bi9wrI/AAAAAAAAAB4/jBC5esvUxBc/s320/9songs.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5007951040285098674" /></a><br /><br />บางคนอาจมองว่านี่คือหนังโป๊ <br /><br />ตลอดหนึ่งชั่วโมงมีแต่ฉากร่วมรักที่ไม่มีเซ็นเซอร์ สลับกับการแสดงสดของวงดนตรีหลายวงอาทิ Black Rebel Motorcycle Club, Franz Ferdinand, The Von Blondies, The Dandy Warhols, Elbow ฯลฯ <br />ซึ่งเครดิตวงดนตรีบนโปสเตอร์ ตัวใหญ่กว่านักแสดงเสียอีก <br /><br />หนังเรื่องล่าสุดของผู้กำกับไฟแรง ไมเคิล วินเทอร์บอตทอม ถ่ายทำโดยใช้กล้อง ดิจิตอล ที่มีทั้งคำชมและคำด่า เป็นเรื่องของแมต (Kieran OBrien) นักวิจัยหนุ่มอังกฤษวัยสามสิบปีกว่า กับลิซ่า (Margo Stilley) สาวนักศึกษาอเมริกันที่เรียนที่ลอนดอน <br /><br />ทั้งคู่พบกันในคอนเสิร์ตของ Black Rebel Motorcycle Club หลังจากกลับไปที่ห้องของชายหนุ่ม บทรักระหว่างทั้งคู่ก็เริ่มต้น <br />หนังแทบไม่มีบท ใช้ความสามารถของนักแสดงในการคิดบทสนทนากันสดๆ และร่วมรักกันจริงๆ สดๆ เช่นกัน <br />แต่ถึงอย่างไร นี่ก็ไม่ใช่หนังโป๊เปลือยวาบหวาม จะว่าเพราะนางเอกหุ่นผอมบางและหน้าอกเล็ก หรือพระเอกไม่หล่อก็ไม่ใช่ <br />เพราะนี่เป็นการแสดงแบบเปิดหมดทุกสัดส่วนจนเลยขีดจำกัดของความโป๊ไป<br /> การไปดูดนตรีร็อคเป็นการปลดปล่อยความสนุก จากนั้นก็กลับไปขลุกอยู่บนเตียงนอนเพื่อปลดเปลื้องความใคร่ <br />ทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ธรรมดาทั้งนั้น ตั้งแต่ภาพการแสดงสดที่ธรรมดามาก ทั้งถ่ายระยะไกลกล้องส่ายไปมาและเบลอ แสงธรรมชาติ ในห้องที่ดูสมจริง บุคลิกหน้าตาของ ตัวเอกทั้งสองคน และบทรักที่แสนจะธรรมดา ค่อยเป็นค่อยไป <br /><br />ภาพที่แกว่งกลับไปกลับมาระหว่างดนตรีร็อคกับการร่วมรักตลอดทั้งเรื่อง ดูแล้วเหมือนจะไม่มีอะไร <br />กระทั่งเมื่อทั้งคู่ต้องแยกย้ายกัน ลิซ่าต้องเดินทาง ส่วนแมตก็กลับไปทำงานวิจัยน้ำแข็งที่ทุ่งน้ำแข็งต่อไป ภาพภูเขาน้ำแข็งขาวโพลน เวิ้งว้าง มีเพียงแมตเดินย่ำเพียงลำพัง หนังปิดเรื่องด้วยคอนเสิร์ตของ Black Rebel Motorcycle <br />Club อีกครั้ง คอนเสิร์ตจบคนดูแยกย้ายและหนังจบพร้อมกับภาพที่พร่าเลือน <br /><br />ความเปลี่ยวเหงาเป็นเรื่องของปัจเจก แต่หากมันซึมซาบถึงอีกคนได้ <br />เมื่อนั้นความเหงาก็จะเพิ่มขึ้นทบทวี<br /><br /> แล้วจะหาหนังเรื่องนี้ดูได้ที่ไหน : ไม่มีทางที่หนังจะได้ฉายตามโรง ฉะนั้นหาซื้อแผ่นดูกันดีกว่า.lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-41336029251819753972006-12-13T16:58:00.000+07:002008-12-10T09:52:36.532+07:00The Magic Numbers ย้อนยุคอย่างมีกึ๋นThe Magic Numbers : The Magic Numbers<br />Label EMI Records<br /><a href="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX_PVBi9wqI/AAAAAAAAABs/bV9tYgCyCMc/s1600-h/magic.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX_PVBi9wqI/AAAAAAAAABs/bV9tYgCyCMc/s320/magic.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5007949270758572706" /></a><br /><br />เดี๋ยวนี้อะไรก็ย้อนยุค ทั้งเพลง หนัง การแต่งตัวและความคิดของนักการเมือง โดยเฉพาะกับเพลง ส่วนใหญ่ถ้าไม่กลับไปสู่ความเรียบง่าย ก็กลับไปหยิบของเหลือทิ้งจากเมื่อยี่สิบสามสิบปีที่แล้วมาใช้งาน ที่เห็นได้ชัดก็พวกร็อคย้อนยุคทั้งหลาย <br />ไม่ว่าจะเป็นร็อคแอนด์โรลยุคเจ็ดศูนย์ หรือพ็อพร็อคยุคแปดศูนย์ ใครที่ไม่แน่จริงก็กลายเป็นศพ ให้เพื่อนรุ่นเดียวกันย่ำเหยียบเล่น<br /><br /> ครั้นได้ฟัง The Magic Numbers แล้ว บอก ได้ว่านี่อาจไม่ใช่อัลบั้มพ็อพที่ดีที่สุดในปี 2548 อย่างที่ใครๆ ยกย่อง ทว่า เดอะเมจิก นัมเบอร์ส หยิบเอาวัตถุดิบง่ายๆ มาสอดร้อยกันได้อย่างลงตัว สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือความไพเราะแบบเรียบง่าย <br /><br />ถึงฟังดูไม่หวือหวานัก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เสน่ห์ของเดอะเมจิก นัมเบอร์ส น่าจะอยู่ที่เสียงร้องของโรเมโอ สโตดาร์ตและเสียงประสานหวานใสจากอีกสองสาว กับเครื่องดนตรีไม่กี่ชิ้นแต่เรียบเรียงดนตรีได้เหมาะเจาะ<br /><br /> เดอะ เมจิก นัมเบอร์ส เกิดขึ้นด้วยความคิดของโรเมโอ สโตดาร์ตกับน้องสาวซึ่งหุ่นท้วมไม่ด้อยไปกว่ากัน ทั้งคู่ใฝ่ฝันจะตั้งวงดนตรี แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง กระทั่งไปเจอกับคู่พี่น้องอีกคู่หนึ่งเข้าให้ จากนั้นทั้งสี่คนจึงเริ่มฟอร์มวงดนตรีขึ้น โรเมโอ ซึ่งเขียนเพลงทั้งหมดในอัลบั้ม รับหน้าที่ร้องนำ เล่นกีตาร์และเปียโน ส่วนน้องสาวของเขามิเชล เล่นเบสและคีย์บอร์ด โดยมีฌอน แกนนอน ตีกลอง และน้องสาวของฌอน แองเจล่า เล่นเพอร์คัสชั่นและเมโลดิก้า <br /><br />ทุกเพลงมีกลิ่นอายของดนตรีย้อนยุค ซาวนด์ของดนตรีร็อค พ็อพ คันทรี โซล กระทั่งเพลง บับเบิ้ลกัม แบบที่ฟังครั้งเดียวฮิตแล้วเลิกกัน เหมือนชิ้นส่วนกระดาษที่ถูกฉีกโปรยลอยเกลื่อนกลาด แต่เดอะเมจิกฯกลับจับแต่ละชิ้นมาเรียงต่อกลับเข้าได้เหมือนเดิม ถึงแม้รอยร่องไม่เนียนสนิทก็ตามที <br /><br />นี่คืออัลบั้มที่จะพาเราย้อนกลับไปดูพ่อแม่ผู้ปกครองนั่งเหนียมอายจีบกันริมทะเล ได้อย่างแจ่มชัด <br />กว่าฟังเพลงย้อนยุคของวงไหนๆ.lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-42200214454764649262006-12-13T16:13:00.000+07:002007-04-19T07:23:17.971+07:00อัลเบิร์ต ฉันรักคุณลูอี้นั่งเมาอยู่ในร้านเร้ดพีค็อค บาร์เทนเดอร์ยื่นแก้วเหล้าให้แล้วพูดว่า “ในเมืองนี้มีคนที่บ้าๆ เหมือนคุณ อยู่คนหนึ่ง” “จริงรึ?” ลูอี้ถาม “จริงสิครับ” “ตอนนี้เธอก็อยู่ที่นี่ด้วย” บาร์เทนเดอร์พูดต่อ “จริงรึ?” ลูอี้ถามอีก “เธอนั่งอยู่นั่น สวมชุดสีฟ้า รูปร่างเธอดีนะครับ แต่ไม่มีใครนั่งใกล้เธอเพราะว่าเธอเป็น บ้า” “จริงรึ?” ลูอี้พูด<br /> ลูอี้หยิบแก้วเหล้าเดินไปนั่งใกล้เธอ “หวัดดี” ลูอี้เริ่ม “หวัดดี” เธอพูด ทั้งคู่นั่งข้างกันโดย ไม่พูดอะไรต่อ<br /> ไมร่า (ชื่อของเธอ) ลุกขึ้นเดินไปหลังบาร์โดยไม่บอกกล่าว เธอถือขวดเหล้าเดินกลับออกมา ชูขวดทำท่าจะขว้างใส่กระจกหลังเคาน์เตอร์ ลูอี้คว้าแขนเธอเอาไว้ “อย่า อย่า อย่า, ที่รัก” หลังจากนั้น บาร์เทนเดอร์แนะให้เธอกลับบ้าน เมื่อเธอกลับ ลูอี้กลับออกไปกับเธอด้วย<br /> ไมร่าและลูอี้หยิบขวดเหล้าที่เหลือค่อนขวดติดมือไป พวกเขาขึ้นรถประจำทางไปบ้านลูอี้, อพาร์ตเม้นต์เดอะเดลซี่อาร์ม เมื่อขึ้นรถได้ ไมร่าถอดรองเท้าข้างหนึ่ง (ส้นสูง) พยายามเอารองเท้าฟาด หัวคนขับรถ ลูอี้เหนี่ยวตัวไมร่าเอาไว้ด้วยแขนข้างเดียว อีกข้างกุมขวดเหล้าไว้แน่น การกระทำนั่นส่งผล ให้พวกเขาต้องลงจากรถแล้วต้องเดินไปยังบ้านลูอี้<br /> ทั้งคู่เข้าลิฟต์และไมร่าเริ่มกดปุ่มมั่วไปหมด ลิฟต์เลื่อนขึ้น เลื่อนลง เลื่อนขึ้นแล้วหยุด เธอถามลูอี้ “คุณอยู่ชั้นไหน” ลูอี้ตอบ “ชั้นสี่ อพาร์ตเม้นต์หมายเลขสี่”<br /> ไมร่ายังคงกดปุ่มสะเปะสะปะขณะที่ลิฟต์เลื่อนขึ้นลง “ฟังนะ” เธอว่า “เราเล่นแบบนี้กันนาน แล้ว ฉันอยากฉี่น่ะ” “ได้สิ” ลูอี้พูด “เรามาตกลงกัน คุณช่วยผมกดลิฟต์แล้ว ผมก็ให้คุณฉี่ได้”<br /> “ได้” เธอพูดแล้วดึงกางเกงในลง จากนั้นนั่งยองๆ ปล่อยน้ำเป็นทาง เธอมองน้ำไหลผ่านพื้น ลิฟต์ ลูอี้กดปุ่มเลขสี่และลิฟต์เลื่อนขึ้น พอดีกับไมร่าฉี่เสร็จและดึงกางเกงในขึ้นสวมพร้อมจะเดินออก จากลิฟต์<br /> พวกเขาเดินเข้าห้องลูอี้ ไมร่าเปิดขวดเหล้าออก ทั้งคู่นั่งห่างกันราวสิบฟุต ลูอี้นั่งเก้าอี้ริมหน้าต่าง ส่วนไมร่านั่งบนเก้าอี้นวม ทั้งคู่ต่างเริ่มดื่มเหล้า<br /> ผ่านไปสิบห้าถึงยี่สิบนาที ไมร่ามองเห็นขวดเปล่าหลายใบวางบนพื้นข้างเก้าอี้นวม เธอหยิบ มันขึ้นมา หรี่ตาเล็งแล้วขว้างใส่หัวลูอี้ เธอขว้างไม่ถูกเลย ขวดบางใบลอยออกไปนอกหน้าต่าง บางใบ กระทบผนังแตกกระจาย น่าพิศวงที่ขวดบางใบกระทบผนังแล้วไม่แตก ไมร่าหยิบขว้างใส่เขาอีกครั้ง กระทั่งขวดหมด<br /> ลูอี้ปีนออกหน้าต่างข้ามไปยังหลังคาด้านหลัง เขาเดินเก็บขวดถือจนเต็มมือก่อนปีนกลับเข้า มาเอาขวดให้ไมร่า เขาวางขวดไว้ข้างเท้าเธอ จากนั้นกลับไปนั่งริมหน้าต่าง รินเหล้าดื่ม เธอขว้างขวดใส่ เขาอีกครั้ง เขาดื่มแล้วดื่มอีกกระทั่งจำอะไรไม่ได้...<br /><br /> ในตอนเช้า ไมร่าตื่นนอนก่อน เธอลุกจากเตียงไปชงกาแฟให้ลูอี้ “เอาล่ะ” เธอบอกเขา “ฉันอยากไปหาเพื่อนฉัน, อัลเบิร์ต เขาเป็นคนที่เยี่ยมยอดมากเลยนะ”<br /> ลูอี้ดื่มกาแฟหมด แล้วทั้งคู่ก็ร่วมรักกันอย่างดูดดื่ม ลูอี้มีหูดเม็ดใหญ่ที่เหนือตาข้างซ้ายด้วย เขาลุกจากเตียงไปสวมเสื้อผ้า “โอเค” เขาว่า “ไปกันได้แล้ว”<br /> ทั้งคู่ลงลิฟต์แล้วเดินไปยังถนนอัลวาราโด จากนั้นขึ้นรถบัสไปทางเหนือ หลังจากนั่งรถได้ราว ห้านาที ไมร่าลุกขึ้นกดกริ่ง ทั้งคู่ลงรถแล้วเดินไปอีกครึ่งช่วงตึกเข้าไปในอพาร์ตเมนต์เก่าทาสีน้ำตาล เดินขึ้นบันไดไปอีกทอดหนึ่ง ถึงตรงหัวโค้งห้องโถง ไมร่าหยุดอยู่หน้าห้อง 203 เธอเคาะประตู ได้ยิน เสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา จากนั้นประตูเปิดออก “หวัดดีอัลเบิร์ต” “หวัดดีไมร่า” “อัลเบิร์ต ฉัน อยากให้คุณรู้จักลูอี้ ลูอี้นี่อัลเบิร์ต” ทั้งคู่จับมือกัน<br /> อัลเบิร์ตมีมือสี่ข้าง อีกทั้งยังมีแขนสี่ข้างด้วย แขนสองข้างคู่บนสอดอยู่ในแขนเสื้อ ส่วนอีก สองข้างสอดออกจากรูใต้แขนเสื้อ<br /> “เข้ามาก่อนสิ” อัลเบิร์ตบอก มือข้างหนึ่งถือแก้วเหล้า อีกข้างคีบบุหรี่ ข้างที่สามถือหนังสือพิมพ์ มือข้างที่จับมือกับลูอี้ไม่ได้ถืออะไร ไมร่าเดินเข้าครัวหยิบแก้วมายื่นให้ลูอี้พร้อมกับรินเหล้าจากขวดใน กระเป๋าถือของเธอลงไป เธอนั่งลงแล้วยกขวดเหล้าขึ้นกระดก<br /> “คุณคิดว่ายังไง?” เธอถาม<br /> “ถึงจะเจอเรื่องอันตราย แต่คุณผ่านมาได้และก็ยังมีชีวิตอยู่” ลูอี้พูด<br /> “อัลเบิร์ตข่มขืนคนอ้วน” ไมร่าอธิบาย “คุณจะเห็นแขนทั้งหมดของเขาโอบรอบตัวเธอ คุณ ดูน่าทุเรศนะ, อัลเบิร์ต”<br /> อัลเบิร์ตครวญด้วยสีหน้าหดหู่<br /> “อัลเบิร์ตไปเมามายนอกคณะละครสัตว์ ข่มขืนผู้หญิงและก็เมาอยู่นอกคณะละครสัตว์ห่าเหวนั่น ตอนนี้เขากำลังดีขึ้น”<br /> “จะยังไงก็เถอะ ผมทนทำตัวเข้ากับสังคมไม่ได้ ไม่มีใครต้องการผม ผมไม่อยากจะทำตัว กลมกลืนกับคนพวกนั้น ไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่จริงใจ”<br /> อัลเบิร์ตเดินไปโทรศัพท์ เขาถือหูโทรศัพท์ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างถือตารางแข่งม้า ข้างที่สาม คีบบุหรี่ ส่วนข้างสุดท้ายถือแก้วเหล้า<br /> “แจ็คหรือ? เออ นี่อัลเบิร์ตนะ ฟังดีๆ ผมเอาครันชี่เมนเข้าที่หนึ่งสองครั้ง แล้วก็....”<br /> อัลเบิร์ตวางสายไป “ผมทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ”<br /> “คุณไปที่สนามม้าได้ยังไง, อัลเบิร์ต?” ไมร่าถาม<br /> “ผมมีสี่สิบเหรียญ แล้วก็จะพนันม้าตัวใหม่ ผมนึกถึงมันขึ้นมาในคืนที่ผมนอนไม่หลับ ภาพ ชัดเหมือนดูหนังสือเลยล่ะ ถ้าผมทำเฉยเสีย พวกเขาก็ไม่มาสนใจผม ที่จริงผมสามารถไปที่สนามม้าและ เล่นเดิมพันได้ แต่ว่า...”<br /> “แต่ว่าอะไร, อัลเบิร์ต?”<br /> “เห็นแก่พระเจ้าเถอะ...”<br /> “คุณหมายถึงอะไร, อัลเบิร์ต?”<br /> “มีผู้คนมองผม! ให้ตายเถอะ คุณไม่เข้าใจเหรอ?”<br /> “ขอโทษที, อัลเบิร์ต”<br /> “ไม่ต้องมาขอโทษหรอก ผมไม่ต้องการความเห็นใจ”<br /> “ก็ได้ ไม่เห็นใจก็ได้”<br /> “ผมอยากจะตบขี้ให้กระเด็นออกจากหัวคุณ จะได้ฉลาดขึ้นบ้าง”<br /> “ผมพนันให้คุณตบขี้ออกจากหัวผมเลย ใช้มือทั้งสี่ข้างนั่นแหละ”<br /> “อย่ากดดันผมนะ” อัลเบิร์ตว่า<br /> เขาดื่มหมดแก้วแล้วเดินไปผสมเหล้ามาใหม่ จากนั้นเดินกลับมานั่ง ลูอี้ไม่ได้พูดอะไร และ เขาคิดว่าควรจะพูดอะไรออกมาบ้าง<br /> “คุณน่าจะไปต่อยมวยนะ, อัลเบิร์ต มืออีกสองข้างของคุณคงน่ากลัวพิลึก”<br /> “อย่าทำตลกน่า ไอ้ตูด”<br /> ไมร่าเทเหล้าให้ลูอี้ พวกเขานั่งล้อมวงแต่ไม่พูดคุยกัน อยู่ๆ อัลเบิร์ตก็จ้องมา เขามองไปที่ไมร่า “เธอเอากับไอ้หมอนี่เหรอ?”<br /> “เปล่านะ ฉันไม่ได้ทำ, อัลเบิร์ต ฉันรักคุณ คุณก็รู้นี่”<br /> “ผมไม่รู้อะไรเลย”<br /> “คุณรู้ว่าฉันรักคุณ, อัลเบิร์ต” ไมร่าเดินไปนั่งบนตักอัลเบิร์ต “คุณอารมณ์รุนแรง ฉันไม่ อยากสงสารคุณหรอก ฉันรักคุณ”<br /> เธอจูบเขา<br /> “ผมก็รักคุณที่รัก” อัลเบิร์ตพูด<br /> “รักมากกว่าผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า?”<br /> “มากกว่าผู้หญิงทุกๆ คน”<br /> ทั้งคู่จูบกันอีกหน เป็นจูบที่รุนแรงยาวนาน สำหรับลูอี้แล้วมันเกินไป เขานั่งดื่มเหล้าอยู่พลาง เอามือลูบหูดเหนือตาข้างซ้าย พลัน, ลำไส้เขาบิดตัวโครกคราก เขาเดินเข้าส้วมนั่งปล่อยทุกข์ช้าๆ เมื่อ เขาเดินออกมา ไมร่ากับอัลเบิร์ตยังคงยืนจูบกันอยู่กลางห้อง ลูอี้นั่งลงหยิบขวดเหล้าขึ้นมาส่องดู มือ สองข้างของอัลเบิร์ตกอดตัวไมร่า ส่วนมืออีกสองข้างก็ถกกระโปรงเธอขึ้นมาถึงเอวพลางล้วงเข้าใต้กางเกงใน ตอนที่กางเกงในหล่นมาที่พื้น ลูอี้เอาขวดวางบนพื้นแล้วลุกขึ้นเดินออกไป<br /><br /> เขากลับไปที่ร้านเร้ดพีค็อค เข้าไปนั่งตรงที่นั่งประจำ สักพักบาร์เทนเดอร์ก็เดินมา<br /> “ดีเลย, ลูอี้ คุณทำอะไรมาบ้าง?”<br /> “ทำอะไรมา?”<br /> “กับผู้หญิงคนนั้น”<br /> “กับผู้หญิงคนนั้น?”<br /> “คุณออกไปด้วยกันนี่ คุณได้เธอหรือเปล่า?”<br /> “ก็ไม่เชิง...”<br /> “แล้วมันเป็นอะไรล่ะ?”<br /> “แล้วมันเป็นอะไรล่ะ?”<br /> “เออสิ แล้วมันเป็นอะไรล่ะ?”<br /> “เอาเหล้าให้ผมแก้วหนึ่ง”<br /> บิลลี่เดินไปชงเหล้าแล้วหยิบกลับมาให้ลูอี้ ไม่มีใครพูดอะไร บิลลี่เดินไปยืนอีกด้านของบาร์ ลูอี้หยิบเหล้ามาดื่มไปครึ่งแก้ว เป็นเหล้าที่รสชาติดี เขางัดบุหรี่มาสูบ มือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ส่วนอีกข้าง หนึ่งถือแก้วเหล้า อาทิตย์กำลังตกดิน ลำแสงส่องผ่านจากถนนเข้ามาทางประตูร้าน ไม่มีหมอกอยู่ข้าง นอกเลย มันน่าจะเป็นวันที่สดใส และมันน่าจะดีกว่าวันอื่นๆ ที่ผ่านมา.<br /><br />พิมพ์ครั้งแรก LUSh เล่ม 1<br />แปลจากเรื่อง I Love You Albert<br />ชาร์ลส์ บูคาวสกี้ เขียน<br />อัสกัณ รามาสูร แปลlushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-79974968662843939302006-12-13T16:11:00.000+07:002008-12-10T09:52:36.721+07:00Juliet แดนซ์ที่ไม่ดาด<a href="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX_OUBi9wpI/AAAAAAAAABg/2ExK796uKSk/s1600-h/juliet.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX_OUBi9wpI/AAAAAAAAABg/2ExK796uKSk/s320/juliet.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5007948154067075730" /></a><br />Juliet : Random Order<br />Label Virgin Records<br /><br /><br />อีสาวคนนี้เป็นใครกันนะ เห็นในมิวสิควิดีโอเพลง Avalon ก็ออกมาวิ่งยึกยือในอุโมงค์ ต่อเมื่อได้ไปสืบเสาะมาก็พบว่า เธอเคยออกซิงเกิ้ลเพลงมาแล้วหนึ่งเพลง เมื่อปี ค.ศ.2000 ตอนนั้นเพลงของเธอขึ้นอันดับ 40 ในบิลบอร์ดชาร์ต ชื่อของเธอคือ Juliet<br /><br /> โดยรวมเพลงในอัลบั้มนี้มีสัดส่วนของเพลงแดนซ์เจืออิเล็คโทรร็อคอยู่เกือบเต็มทั้งอัลบั้ม อาจกล่าวได้ว่าเป็นลูกผสมระหว่าง Garbage กับ Bjorg โดยมีเครื่องนุ่งห่มของ Ladytron สวมทับ<br /><br /> กับอัลบั้มชุดแรกของจูเลียต หรือชื่อเต็มๆ ของเธอคือ จูเลียต ริชาร์ดสัน ได้สจ๊วต ไพรซ์ มา โปรดิวซ์ให้ โดยสจ๊วตเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกวง Zoot Woman ซึ่งเป็นวงอิเล็คโทรแดนซ์ ในช่วงต้นยุคเก้าศูนย์<br /><br /> จึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายว่าเพลงของจูเลียต ต้องเป็นเพลงแดนซ์แน่ๆ แต่เป็นแดนซ์ที่ยังดูเหนือกว่าแดนซ์ตามเธคหลายขุม ทั้งจากลูกเล่นที่พยายามใส่เข้าไปในเพลงอย่าง AU หรือ Avalon ซิงเกิ้ลเปิดตัว<br /><br /> แต่ก็มีข้อด้อยคือ เธอยังหาแนวทางของตัวเองได้ไม่่ชัดเจน หลายเพลงที่ฟังแล้วอาจต้องนึกถึงวงอื่นๆ ทั้ง On the Dancefloor และ New Shoes ที่ฟังยังไงก็คล้ายการ์เบจ หรือ Waiting ที่ดันไปเหมือน Gwen Stefani เสียนี่<br /><br /> ส่วนเพลงที่เข้าท่า ก็เพลง Avalon, Ridethepain และ Would You Mind นั่นไง<br /><br /> แล้วจูเลียตมีดีตรงไหน ถ้าคุณเพิ่งโผล่จากผับดาดๆ หรือเธคดิ้นกระจาย แล้วมาเจออัลบั้มนี้เข้า โดยบังเอิญ ขอบอกว่า หยิบไปฟังเลย นี่ล่ะดูเท่เก๋ที่สุดแล้วlushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-39202318999644698482006-12-12T21:45:00.000+07:002008-12-10T09:52:36.826+07:00We are what we are.<a href="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX7AzKCaEOI/AAAAAAAAAA8/O2X4DvXuRa8/s1600-h/weare.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5007651820782883042" style="CURSOR: hand" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX7AzKCaEOI/AAAAAAAAAA8/O2X4DvXuRa8/s320/weare.jpg" border="0" /></a><br /><div></div>lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-35292899197396299382006-12-12T09:18:00.000+07:002008-12-10T09:52:37.059+07:00กระต่ายเต้นชมจันทร์<a href="http://1.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX4RtVQbUnI/AAAAAAAAAAw/n_BSG3jL57c/s1600-h/rabbit.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5007459306180399730" style="CURSOR: hand" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX4RtVQbUnI/AAAAAAAAAAw/n_BSG3jL57c/s320/rabbit.jpg" border="0" /></a><br /><div></div>lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-10007026085522543022006-12-12T09:15:00.000+07:002008-12-10T09:52:37.559+07:00You say yes, I say no.<a href="http://1.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX4Q8VQbUmI/AAAAAAAAAAk/DuGlVutMcik/s1600-h/yesno.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5007458464366809698" style="CURSOR: hand" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX4Q8VQbUmI/AAAAAAAAAAk/DuGlVutMcik/s320/yesno.jpg" border="0" /></a><br /><div></div>lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-49023480232102070132006-12-12T09:09:00.000+07:002008-12-10T09:52:37.679+07:00อลหม่าน<a href="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX4Pg1QbUlI/AAAAAAAAAAY/CQJv36a657E/s1600-h/chaos.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5007456892408779346" style="CURSOR: hand" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX4Pg1QbUlI/AAAAAAAAAAY/CQJv36a657E/s320/chaos.jpg" border="0" /></a><br /><div></div>lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-23614242272231087682006-12-12T09:04:00.000+07:002008-12-10T09:52:37.849+07:00girls go go<a href="http://1.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX4OyVQbUkI/AAAAAAAAAAM/-VLJ548LR1I/s1600-h/rowofgirls.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5007456093544862274" style="CURSOR: hand" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX4OyVQbUkI/AAAAAAAAAAM/-VLJ548LR1I/s320/rowofgirls.jpg" border="0" /></a><br /><div></div>lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-7474633159211828262006-12-06T19:55:00.000+07:002008-12-10T09:52:38.088+07:00ผู้ชายใคร่ลิฟต์<a href="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX_MFBi9wnI/AAAAAAAAABI/el2qEzFwTeQ/s1600-h/lift.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://3.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX_MFBi9wnI/AAAAAAAAABI/el2qEzFwTeQ/s320/lift.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5007945697345782386" /></a><br /><br /><div align="left">แฮร์รี่ยืนอยู่ตรงทางเชื่อมระหว่างถนนกับอพาร์ตเมนต์ รอให้ลิฟต์เลื่อนลงมา ขณะประตูลิฟต์เลื่อนเปิดเขาได้ยินเสียงผู้หญิงดังไล่หลัง "รอก่อนค่ะ" หล่อนก้าวเข้าลิฟต์ ประตูเลื่อนปิด หล่อนสวมชุดเหลือง ผมมวยไว้กลางหัว ตุ้มหูไข่มุกเทียมห้อยตรงปลายสายโซ่เงินเส้นเล็กทั้งสองข้าง ก้นหล่อนใหญ่และโครงสร้างแน่นบั๊บ หน้าอกหล่อนและเนื้อกายดูเหมือนเบียดแย่งกันระเบิดออกมานอกชุดสีเหลืองนั่น ดวงตาสีเขียวซีดจ้องตรงมายังเขา หล่อนหิ้วถุงใส่ของมีตัวหนังสือคำว่า Vons พิมพ์อยู่ข้างถุง ริมฝีปากหล่อนเปรอะป้ายด้วยลิปสติก ปากอิ่มนั้นดูยั่วตัณหา มันออกจะน่าเกลียด สีแดงสดของลิปสติกเป็นมันเลื่อม และพอแฮร์รี่โน้มตัวไปกดปุ่ม "<strong>ฉุกเฉิน</strong>"<br /></div><div align="left">มันได้ผล ลิฟต์หยุด แฮร์รี่เลื่อนตัวเข้าหาหล่อน ด้วยมือเดียวเขาเลิกกระโปรงหล่อนขึ้นและจับจ้องที่ขาทั้งคู่ ขาที่ดูสวยงามทั้งปลีกล้ามและนวลเนื้อ ดูเหมือนหล่อนจะกลัวจนตัวเกร็ง เขารวบตัวเธอจนถุงใส่ของหล่นลง กระป๋องผักและอาโวคาโด กระดาษชำระ ห่อเนื้อและแท่งขนมหวาน 3 แท่งหกเรี่ยรายพื้นลิฟต์ แล้วปากกับปากก็เลื่อนเข้าประกบกัน เขาควานลงต่ำและถกกระโปรงขึ้น ขณะยังดูดปากเขารูดกางเกงในออก แล้วจากนั้นโหย่งตัวขึ้น เขาโยกหล่อน กดหลังหล่อนปะทะผนังลิฟต์ แล้วก็เสร็จกิจ เขารูดซิปกางเกงขึ้น กดปุ่มชั้น 3 และรอ ยืนหันหลังให้หล่อน เมื่อประตูเปิดออก เขาก้าวออกไป ประตูเลื่อนปิดและลิฟต์เลื่อนขึ้น<br />แฮร์รี่เดินไปตามทางกลับห้อง เขาเสียบกุญแจและเปิดประตู โรเชลล์ภรรยาของเขากำลังทำอาหารเย็นอยู่ในครัว<br />"เป็นไงบ้างล่ะ" เธอถาม<br />"แย่เหมือนเคย" เขาเอ่ย<br />"อาหารเย็นจะเสร็จในสิบนาที" เธอบอกเขา<br />แฮร์รี่เดินเข้าห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำ หกปีแล้วกับงานที่ทำแต่ไม่มีเงินสักเหรียญในธนาคาร นั่นแหละสิ่งที่รั้งคุณไว้ พวกนั้นให้คุณแค่พออยู่รอดแต่มันไม่เคยให้คุณพอเพียงจนสามารถจะโบยบินหนีได้<br />เขาถูสบู่อย่างดี ชำระคราบไคลและยืนแช่อย่างนั้นปล่อยให้น้ำอุ่นไหลผ่านคอนำพาความเมื่อยล้าไปด้วย เช็ดตัวเสร็จแล้วเขาสวมเสื้อคลุม เดินเข้าครัวนั่งลงที่โต๊ะ โรเชลล์ยกจานออกมามีเนื้อบดก้อนและน้ำเกรวี่ เธอทำเนื้อบดก้อนและน้ำเกรวี่ได้อร่อย<br />"ฟังนะ" เขาพูด "บอกข่าวดีผมซักข่าวหน่อย"<br />"ข่าวดีรึ"<br />"คุณรู้นี่ว่าอะไร"<br />"รอบเดือนหรือ"<br />"ใช่"<br />"รอบดือนฉันขาด"<br />"โธ่"<br />"กาแฟยังไม่ได้นะ"<br />"คุณก็ลืมเสมอ"<br />"ฉันรู้ ฉันไม่รู้ว่าอะไรทำให้ฉันเป็นงั้น"<br />โรเชลล์นั่งลงและทั้งคู่เริ่มกินโดยไม่มีกาแฟ เนื้อบดก้อนอร่อยมาก<br />"แฮร์รี่" เธอพูดขึ้น "เราทำแท้งก็ได้"<br />"ก็ได้" เขาพูด "ถ้าอยากให้เป็นอย่างนั้น เราก็ควรทำ"<br />เย็นวันถัดมาเขาขึ้นลิฟต์คนเดียว ขึ้นไปถึงชั้นสามและออกจากลิฟต์ แต่แล้วก็หันกลับเข้าลิฟต์ กดปุ่มอีกครั้ง เขาลงมาถึงด้านล่างเขาเดินออกไปที่รถและนั่งรอ เขาเห็นหล่อนกำลังเดินไปยังทางเชื่อมลานจอด ครั้งนี้หล่อนไม่ได้ถือถุงใส่ของ เขาเปิดประตูรถออกไป<br />คราวนี้หล่อนสวมชุดแดง สั้นและรัดรูปกว่าชุดเหลืองนั้น หล่อนปล่อยผมลงมันยาวเกือบปรกหลัง หล่อนยังคงสวมตุ้มหูไข่มุกเทียมนั่นอยู่และปากหล่อนโปะลิปสติกหนากว่าก่อนอีก ขณะหล่อนก้าวเข้าลิฟต์เขาโผเข้าตามหล่อน ทั้งคู่ขึ้นลิฟต์ไป และเหมือนครั้งที่แล้วเขากดปุ่ม "ฉุกเฉิน" แล้วก็โอบคร่อมหล่อน ทาบปากกับปากแดงยั่วยวนของหล่อน หล่อนสวมเพียงถุงเท้ายาวถึงเข่า แฮร์รี่ถอดกางเกงในออก จับไอ้น้องชายยัดเข้าไป กระแทกกระทั้นกับผนังลิฟท์ทั้งสี่ด้าน ครั้งนี้นานกว่าครั้งที่แล้ว จนเสร็จ แฮร์รี่สวมกางเกงหันหลังให้หล่อนและกดปุ่มเลข 3<br />ตอนที่เขาเปิดประตูเข้าไป โรเชลล์กำลังร้องเพลงอยู่ เสียงเธอแย่มาก แฮร์รี่อาบน้ำรีบๆ และสวมเสื้อคลุมออกมานั่งลงที่โต๊ะ<br />"พระเจ้า" เขาพูด "วันนี้พวกนั้นปลดคนออก 4 คน แม้แต่จิม บรอนสัน"<br />"มันแย่มากๆ" โรเชลล์ครวญ<br />มื้อนั้นมีสเต๊กและมันฝรั่งทอด สลัดและขนมปังกระเทียม มันก็ไม่เลวนัก<br />"คุณรู้มั้ยว่าจิมอยู่นั่นมานานแค่ไหน"<br />"ไม่รู้สิ"<br />"5 ปี"<br />โรเชลล์ไม่ตอบอะไร "5 ปี" แฮร์รี่พูด "มันไม่สนใจหรอก พวกเลวนั่นมันไม่มีความเห็นใจ"<br />"คราวนี้ฉันไม่ลืมชงกาแฟแล้วนะ แฮร์รี่"<br />เธอยืนพิงและจูบเขาขณะรินกาแฟให้ "ฉันดีขึ้นนะ คุณเห็นมั้ย"<br />"อื้อ"<br />เธอนั่งลง "เมนส์เริ่มมาวันนี้"<br />"อะไรนะ เรื่องจริงรึ"<br />"ใช่ แฮร์รี่"<br />"เยี่ยม เยี่ยม..."<br />"ฉันไม่อยากมีลูกจนกว่าคุณอยากจะมี แฮร์รี่"<br />"โรเชลล์ เราน่าจะฉลองกันหน่อย ไวน์ดีๆซักขวด ผมจะไปซื้อมาหลังมื้อเย็น"<br />"ฉันหามาแล้ว แฮร์รี่"<br />แฮร์รี่ลุกขึ้น เดินไปรอบโต๊ะ เขายืนเยื้องหลังโรเชลล์ เอามือช้อนคางเอียงหัวเธอมาด้านหลังและจูบ "ผมรักคุณยาหยี"<br />แล้วทั้งคู่ก็กินข้าวมื้อเย็น เป็นมื้อเย็นที่วิเศษรวมทั้งไวน์รสเลิศด้วย<br />แฮร์รี่ออกจากรถขณะหล่อนเดินมาตามทาง หล่อนหยุดรอเขา และเข้าลิฟต์พร้อมกัน หล่อนสวมกระโปรงสีน้ำเงินเสื้อสีขาวมีลายดอกไม้ รองเท้าขาว ถุงเท้าขาว ผมมวย และหล่อนสูบบุหรี่เบนสันแอนด์เฮ็ดจ์ส<br />แฮร์รี่กดปุ่ม "ฉุกเฉิน"<br />"เดี๋ยวก่อนพ่อหนุ่ม"<br />เป็นครั้งที่สองที่แฮร์รี่ได้ยินเสียงหล่อน เสียงแหบเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใช่เสียงที่แย่<br />"ไปที่ห้องฉัน"<br />"ได้เลย"<br />หล่อนกดปุ่ม 4 ลิฟต์เลื่อนขึ้นไป และพอประตูลิฟท์เปิดทั้งคู่เดินไปตามทางถึงห้อง 404 หล่อนไม่ได้ล็อคห้อง<br />"ห้องสวย" แฮร์รี่ชม<br />"ฉันชอบมัน ให้ฉันหาอะไรให้คุณดื่มมั้ย"<br />"เอาสิ"<br />หล่อนเดินเข้าครัว "ฉันชื่อนาน่า" หล่อนบอก<br />"ผมแฮร์รี่"<br />"ฉันรู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ชื่อคุณน่ะ?"<br />"ตลกน่ะ" แฮร์รี่พูด<br />หล่อนถือเหล้ามา 2 แก้ว นั่งดื่มกันที่เก้าอี้นอน "ฉันทำงานที่ร้านโซดี้" นาน่าพูด "เป็นพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ที่โซดี้"<br />"ดีนี่"<br />"ดีกะผีอะไรล่ะ"<br />"ผมหมายถึงดีที่เราอยู่ด้วยกันที่นี่"<br />"จริงหรือคะ"<br />"แน่นอน"<br />"งั้นไปห้องนอนกัน"<br />แฮร์รี่ตามหล่อนไป นาน่าดื่มหมดแก้วและวางแก้วเปล่าบนโต็ะเครื่องแป้ง หล่อนเดินเข้าห้องน้ำ เป็นห้องน้ำที่กว้างมาก หล่อนเริ่มร้องเพลงและค่อยๆถอดเสื้อผ้า นาน่าร้องเพลงได้ดีกว่าโรเชลล์ แฮร์รี่นั่งที่ขอบเตียงและดื่มหมดแก้ว นาน่าเปลือยกายออกมาจากห้องน้ำและตรงไปที่เตียง ขนบนเนินนูนดูดำกว่ากว่าผมหล่อน<br />"เอาละยัง?" หล่อนว่า<br />"โอ" แฮร์รี่ว่าพลางถอดรองเท้าและถุงเท้า แล้วถอดเสื้อ กางเกง เสื้อกล้าม กางเกงใน จากนั้นกระโจนลงข้างๆหล่อน หล่อนหันหน้ากลับมาและเขาจูบหล่อน </div><div align="left">"ฟังนะ" เขาบอก "เราจะทำอะไรๆทั้งที่ไฟยังสว่างน่ะหรือ?"<br />"ได้สิ" นาน่าลุกขึ้นปิดไฟผนังและไฟหัวเตียง แฮร์รี่รู้สึกว่าเธอประกบปาก ไล้ลิ้นเข้ามาวูบเข้าออก แฮร์รี่พลิกตัวขึ้นทับหล่อน ตัวหล่อนนิ่มนุ่มมากคล้ายเป็นเตียงน้ำ เขาจูบและเลียหน้าอกหล่อน จูบปากและไซ้คอ บรรจงจูบเธออยู่ครู่หนึ่ง<br />"เกิดอะไรขึ้น?" หล่อนถาม<br />"ผมไม่รู้" เขาบอก<br />"มันไม่สู้ใช่มั้ย"<br />"ไม่รู้"<br />แฮร์รี่ลุกขึ้นและใส่เสื้อผ้าในความมืด นาน่าเปิดไฟที่หัวเตียงให้<br />"คุณเป็นอะไร? ลิฟต์วิปริต?"<br />"ไม่ไม่..."<br />"คุณทำได้เฉพาะอยู่ในลิฟต์ใช่มั้ย?"<br />"ไม่ใช่ คุณคนเดียวเท่านั้น จริงจริง ผมไม่รู้ว่า...มันนอกเหนือ"<br />"แต่ฉันเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้" นาน่าพูด<br />"ผมรู้" แฮร์รี่พูดพลางดึงกางเกงขึ้น แล้วก็นั่งลงสวมถุงเท้าและรองเท้า<br />"ฟังนะ คุณมันเลวสิ้นดี"<br />"อือ?"<br />"เมื่อคุณพร้อม และคุณต้องการฉัน มาที่ห้องฉัน เข้าใจ๊?"<br />"ผมเข้าใจ"<br />แฮรี่สวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้องแล้วยืนขึ้น<br />"ไม่มีการทำในลิฟท์อีกแล้ว เข้าใจ๊?"<br />"ผมเข้าใจ"<br />"ถ้าคุณเอาฉันในลิฟท์อีกครั้ง ฉันจะเรียกตำรวจ นั่นเป็นข้อตกลง"<br />"โอเค โอเค"<br />แฮร์รี่เดินออกจากห้องนอน ผ่านห้องนั่งเล่น และออกประตูไป เดินไปที่ลิฟท์ กดปุ่มรอ ประตูเลื่อนเปิดแล้วเขาเข้าไปข้างใน ลิฟท์เริ่มเลื่อนลง มีผู้หญิงหน้าตาเอเชียยืนถัดไปจากเขา หล่อนเป็นคนผมดำ สวมกระโปรงดำ เสื้อสีขาว สวมถุงน่อง เท้าเล็ก และใส่รองเท้าส้นสูง หล่อนผิวค่อนข้างคล้ำ ที่ปากมีรอยของลิฟสติกอยู่ ร่างนั้นดูเล็ก แต่ก็แฝงไว้ด้วยความมีเสน่ห์ ตาสีน้ำตาลที่ดูเศร้าลึกและโรยล้า แฮร์รี่เลื่อนตัวไปกดปุ่มฉุกเฉิน ทำให้หล่อนร้องขึ้นมา เขาตบหน้าหล่อน ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาและโปะไปที่ปากหล่อน ล็อคเอวหล่อนด้วยแขนข้างหนึ่ง และหล่อนข่วนเข้าที่หน้าเขา เขาเอื้อมลงถกกระโปรงหล่อน เขากระหยิ่มในสิ่งที่เห็นตรงหน้า.</div><div align="left"> </div><div align="left">จากเรื่อง The Man Who Loved Elevators</div><div align="left"></div><div align="left">ชาร์ลส์ บูคาวสกี้ เขียน</div><div align="left"><span style="color:#999999;">อาณัติ มาตรคำจันทร์</span> แปล</div><div align="left">พิมพ์ครั้งแรก <strong>นิตยสารโพโม</strong> ฉบับที่ 3</div>lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-17534591085300583052006-12-01T16:44:00.000+07:002008-12-10T09:52:38.320+07:00สาวร้อน (Hot Lady)<a href="http://4.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX_NCRi9woI/AAAAAAAAABU/0ARCd1DRYlY/s1600-h/cbukowski.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;" src="http://4.bp.blogspot.com/_HPCb5t4s1FA/RX_NCRi9woI/AAAAAAAAABU/0ARCd1DRYlY/s320/cbukowski.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5007946749612769922" /></a><br /><br />มังค์เดินเข้าไปในบาร์ ข้างในเหมือนมีละอองฝุ่นและดูมืดกว่าปกติ เขาเดินไปนั่งด้านในสุดของบาร์ ถัดจากหญิงสาวร่างใหญ่ผมบลอนด์ที่กำลังนั่งสูบบุหรี่และดื่มเบียร์ยี่ห้อแฮมม์อยู่ หล่อนผายลมขณะเขานั่งลง "สวัสดี" มังค์พูด "ผมชื่อมังค์" "ฉันชื่อมัด" หล่อนตอบ เขาเริ่มปิ๊งกับหล่อนในทันที<br /><br />ตอนที่มังค์เข้ามานั่ง มีโครงกระดูกโผล่ขึ้นมาจากหลังเคาน์เตอร์บาร์ ตรงเก้าอี้หัวกลม กระดูกเดินมาที่มังค์ มังค์สั่งสก็อตช์ออนเดอะร็อคส์ กระดูกเอื้อมมือไปชงเหล้า มันทำเหล้าหกรดเคาน์เตอร์เล็กน้อย ยื่นเหล้าให้เขาแล้วรับเงินไปเก็บใส่ตู้ ทอนเงินคืนอย่างถูกต้อง<br />"มันเรื่องอะไรนี่" มังค์ถาม "ไม่มีพวกมาช่วยแล้วหรือไง"<br />"อา...แม่ง" หญิงสาวสบถ "มันเป็นเทคนิคของบิลลี่ คุณไม่เห็นลวดนั่นหรือไง เขาบังคับมันด้วยเส้นลวด คงคิดว่าสนุกนักล่ะ"<br />"ที่นี่มันแปลกๆ" มังค์พูด "มันมีกลิ่นเหม็นเหมือนความตายลอยอยู่"<br />"ความตายไม่มีกลิ่นเหม็นหรอก" หญิงสาวพูด "พวกมีชีวิตต่างหากที่เหม็น พวกที่กำลังจะตายน่ะมีกลิ่นเหม็น เศษซากเน่ามีกลิ่นเหม็น แต่ความตายไม่มีกลิ่นเหม็นหรอก"<br />แมงมุมโรยตัวลงตรงช่องว่างระหว่างทั้งคู่ มันถักใยไปรอบๆ แสงสะท้อนเส้นใยเป็นสีทอง แล้วมันก็ชักใยกลับหายไป<br />"แมงมุมตัวแรกที่ผมเห็นที่บาร์" มังค์พูด<br />"มันเป็นแมงบาร์" หญิงสาวเอ่ย<br />"พระเจ้า สถานที่นี้มีแต่เรื่องตลกแปลกๆ"<br />หญิงสาวผายลม "จูบนี้ให้คุณ" หล่อนว่า<br />"ขอบคุณ" มังค์ตอบ<br /><br />ชายขี้เมาตรงมุมบาร์หยอดเงินในตู้เพลง กระดูกเดินออกมาจากหลังเคาน์เตอร์เดินไปโค้งให้หญิงสาว หญิงสาวลุกขึ้นและเต้นกับมัน ทั้งคู่เต้นไปรอบๆ ที่อยู่ในบาร์มีเพียงหญิงสาว กระดูก ชายขี้เมาและมังค์ คืนนี้ผ่านไปเชื่องช้า มังค์จุดบุหรี่สูบแล้วดื่มเหล้า เมื่อเพลงจบกระดูกเดินกลับไปที่ของมัน หญิงสาวกลับมานั่งที่เดิม<br />"ฉันจำได้" หญิงสาวพูด "ตอนที่มีงานฉลองที่นี่ บิง ครอสบี้, เอมอสและแอนดี้ พวกสทู้จเกสทั้งสามคนมาทำให้ที่นี่สุดเหวี่ยงจริงๆ"<br />"ผมชอบแบบนี้มากกว่า" มังค์พูด<br />ตู้เพลงเริ่มเพลงอีกครั้ง "เป็นไรไหมถ้าจะเต้นด้วยกัน" หญิงสาวว่า<br />"ทำไมจะไม่ได้" มังค์บอก<br />ทั้งคู่ลุกขึ้น เริ่มเต้น หญิงสาวสวมกระโปรงลาเวนเดอร์ มีกลิ่นหอมดอกไลแลค เธอค่อนข้างเจ้าเนื้อ ผิวสีส้มจาง ฟันเกๆของเธอดูเหมือนกำลังเคี้ยวหนูตายอยู่<br />"ที่นี่ทำให้ผมนึกถึงเฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์" มังค์พูด<br />"ฮูเวอร์เป็นคนที่ยอดมาก" หญิงสาวบอก<br />"เหมือนนรก" มังค์ว่า "ถ้าแฟรงกี้ ดี. ไม่ได้มาทำให้ดีขึ้นเราคงอดตายแน่"<br />"แฟรงกี้ ดี. พาเราเข้าสู่สงครามนะ" หญิงสาวพูด<br />"แต่ว่า" มังค์พูด "เขาก็ปกป้องเราจากพวกฟาสซิสต์นะ"<br />"อย่าพูดเรื่องพวกฟาสซิสต์กับฉัน" หญิงสาวพูดขึ้น "พี่ชายฉันตายตอนสงครามต่อต้านนายพลฟรังโก้ที่สเปน"<br />"อับราฮัม ลินคอร์น บริดเจส?" มังค์ถาม<br />"อับราฮัม ลินคอร์น บริดเจส" หญิงสาวตอบ<br />ทั้งคู่เต้นแนบร่างกัน แล้วหญิงสาวก็สอดลิ้นเข้าในปากมังค์ เขาเอาลิ้นดันกลับออกไป กลิ่นปากเธอเหมือนกับแสตมป์เก่าๆ กับซากหนูตาย เมื่อเพลงจบทั้งคู่เดินกลับไปนั่งที่เดิม<br />กระดูกเดินเข้ามาหา มันถือแก้วว้อดก้าและผลส้มมาด้วย มันหยุดยืนตรงหน้ามังค์แล้วสาดว้อดก้าและขว้างส้มใส่หน้าเขา จากนั้นก็เดินกลับไป<br />"มันเป็นบ้าอะไรวะ?"มังค์ถาม<br />"มันอิจฉาน่ะ" หญิงสาวบอก "มันเห็นฉันจูบคุณ"<br />"นี่คุณเรียกว่าจูบเหรอ?"<br />"ฉันเคยจูบแต่ผู้ชายยอดๆ มาตลอด"<br />"ผมว่าผู้ชายที่คุณจูบ น่าจะเป็นนโปเลียน, เฮนรี่ที่แปดและซีซาร์"<br />หญิงสาวผายลม "จูบนี้ให้คุณ" หล่อนว่า<br />"ขอบคุณ" มังค์ตอบ<br />"ฉันว่าตัวเองเริ่มแก่ลง" หญิงสาวพูด<br />"อือ" มังค์พูด<br />"ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังไม่แก่" หญิงสาวพูด<br />"ยัง" มังค์บอก<br />"ฉันยังมีรอบเดือนอยู่นะ" หญิงสาวพูด<br />มังค์โบกมือเรียกกระดูกเพื่อเติมเหล้าสองแก้ว หญิงสาวเปลี่ยนมาดื่มสก็อตช์ออนเดอะร็อคส์ กระดูกเติมเหล้าแล้วเดินกลับไป<br />"ผมว่ามันเหมือนกับเรื่องปรัมปราที่เล่าๆกัน" มังค์บอก<br />"ปรัมปราห่าๆ" หญิงสาวพูด "ฉันอยู่ที่นั่น เห็นเหตุการณ์ด้วย"<br />"คุณรู้อะไรมั้ย" มังค์ว่า "มันน่าประหลาดใจที่มีคนพิเศษไม่กี่คนหรอกที่ทำให้โลกสั่นสะเทือนได้ พวกเขาทำเรื่องมหัศจรรย์ขณะที่เรานั่งทับก้นตัวเองอยู่นี่"<br />"ช่าย" หญิงสาวพูด<br /><br />ทั้งคู่นั่งจิบเหล้า ส่วนข้างนอกนั่นรถราวิ่งกันขวักไขว่บนถนนฮอลลีลู้ดบูลเลอวาร์ด เสียงดังไม่ขาดสาย เหมือนกระแสน้ำ เหมือนคลื่น เหมือนมหาสมุทร ในมหาสมุทรมีฉลามว่ายอยู่ มีปลาสาก แมงกะพรุน ปลาหมึกยักษ์และปลาดูด วาฬ หอย ฟองน้ำและหัวหอมทะเล ส่วนด้านในร้านเหมือนกับเป็นถังใส่ปลาที่แยกออกมา<br />"ฉันอยู่ที่นั่น" หญิงสาวบอก "ตอนที่เดมป์เซย์ถูกวิลลาร์ดฆาตกรรม แจ็คออกมาจากลูกกรง ดูราวกับเสือหิวอดโซ คุณต้องไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนแน่"<br />"คุณบอกว่าคุณยังมีรอบเดือนอยู่?"<br />"ใช่สิ" หญิงสาวบอก<br />"พวกนั้นบอกว่าเดมป์เซย์มีปูนโบกใส่ในถุงมือ พวกนั้นจับเขาถ่วงน้ำ แล้วเขาถูกวิลลาร์ดทำแบบนี้เหรอ" มังค์ถาม<br />"นั่นมันเรื่องแหกตา" หญิงสาวพูด "ฉันอยู่ที่นั่นฉันเห็นถุงมือนั้นด้วย"<br />"ผมว่าคุณท่าจะบ้า" มังค์พูด<br />"พวกนั้นก็บอกว่าโจนออฟอาร์คเป็นบ้าเหมือนกัน" หญิงสาวพูด<br />"ผมว่าคุณคงเห็นตอนโจนออฟอาร์คถูกเผาแหงๆ" มังค์พูด<br />"ฉันอยู่ที่นั่น" หญิงสาวพูด "ฉันเห็นเหตุการณ์นั้น"<br />"เหลวไหล"<br />"เธอถูกเผา ฉันเห็นเธอไหม้เกรียม มันน่าสยดสยองและงดงาม"<br />"งดงามตรงไหนกัน"<br />"ก็ตรงที่เธอถูกจับเผาไง ไฟค่อยๆ ลามจากเท้าเหมือนงูสีแดงเกาะเกี่ยวกันขึ้นไปตามช่วงขาเธอ ม่านไฟสีแดงพวยพุ่งจนหน้าเธอแหงนหงาย คุณจะได้กลิ่นเนื้อไหม้ขณะที่เธอยังไม่สิ้นลมแต่เธอก็ไม่กรีดร้อง ปากเธอขยับเหมือนจะสวดมนต์แต่ไม่มีเสียงตะโกนเลย"<br />"เหลวไหล" มังค์พูด "เป็นใครก็ต้องตะโกน"<br />"ไม่" หญิงสาวพูด "ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องตะโกน คนเรามันต่างกัน"<br />"เนื้อคือเนื้อ ความเจ็บปวดคือความเจ็บปวด" มังค์พูด<br />"คุณประเมินจิตวิญญาณมนุษย์ต่ำเกินไป" หญิงสาวพูด<br />"ช่าย" มังค์บอก<br />หญิงสาวเปิดกระเป๋าถือ "ฉันจะให้ดูอะไร" เธอหยิบกลักไม้ขีดออกมาขีดไฟ แล้วจ่อไฟใต้นิ้วโป้งมือซ้าย ปล่อยให้ไฟลนนิ้วจนไม้ขีดหมดก้าน มีกลิ่นหอมหวานของเนื้อไหม้<br />"เกือบเหมือนแล้ว" มังค์พูด "ต้องเผาตัวสิ"<br />"ไม่เห็นเป็นไร" หญิงสาวพูด "โดยหลักมันก็เหมือนกัน"<br />"ไม่ใช่" มังค์พูด"มันไม่ใช่แบบเดียวกัน"<br />"แม่ง" หญิงสาวพ่นคำด่า เธอลุกขึ้นแล้วจ่อไม้ขีดที่ขอบกระโปรง ไฟค่อยๆลามเลียเนื้อผ้าโปร่งบางรอบขาเธอแล้วลามขึ้นไปจนถึงเอว<br />"พระเจ้าช่วย" มังค์อุทาน "นั่นเธอทำบ้าอะไรวะ?"<br />"พิสูจน์หลักการน่ะสิ" หญิงสาวบอก<br />ไฟโชนขึ้นสูง มังค์กระโจนจากที่นั่งดันหญิงสาวล้มลง เขากอดเธอกลิ้งไปบนพื้นรอบแล้วรอบเล่าพลางเอามือตบไฟให้ดับ จนไฟมอด หญิงสาวลุกขึ้นไปนั่งที่เดิมมังค์นั่งหอบอยู่ข้างๆ บาร์เทนเดอร์เดินเข้ามา เขาสวมเสื้อเชิ้ตขาวสะอาดเรียบกริบ เสื้อกั๊กสีดำ ผูกหูกระต่ายและสวมกางเกงสีน้ำเงินมีแถบข้างสีขาว<br />"ผมขอโทษครับ มัด" เขาพูดกับหญิงสาว "แต่คุณน่าจะกลับได้แล้ว คืนนี้คุณเต็มที่แล้ว"<br />"โอเค บิลลี่" หญิงสาวพูดแล้วดื่มเหล้าหมดแก้ว จากนั้นลุกเดินไปทางประตู ก่อนออกไปเธอบอกสวัสดีกับชายขี้เมาที่นั่งอยู่มุมบาร์<br />"พระเจ้า" มังค์พูด "เธอแม่งสุดๆ เลยว่ะ"<br />"เธอได้เล่นโจนออฟอาร์คให้คุณดูหรือเปล่า" บาร์เทนเดอร์ถาม<br />"นรกชัดๆ คุณก็เห็นไม่ใช่เหรอ?"<br />"ไม่เห็น ผมกำลังคุยกับลูอี้อยู่" เขาชี้ไปทางชายขี้เมาตรงมุมบาร์<br />"ผมคิดว่าคุณเล่นชักลวดจากชั้นบนซะอีก"<br />"ลวดอะไรครับ?"<br />"ลวดที่ชักโครงกระดูกไงล่ะ"<br />"โครงกระดูกอะไรครับ?" บาร์เทนเดอร์ถาม<br />"น่า...บอกมาเถอะ" มังค์พูด "อย่ามาหลอกกันเล่นเลย"<br />"คุณพูดเรื่องอะไรครับ?"<br />"มีโครงกระดูกอยู่ที่บาร์นี้ มันเสิร์ฟเหล้าผมด้วย แถมยังเต้นกับมัดอีก"<br />"ผมอยู่ที่นี่ทุกๆ คืน ไม่เห็นมีอะไร คุณคนแปลกหน้า" บาร์เทนเดอร์บอก<br />"ผมบอกก่อนนะว่าอย่ามาแกล้งแหกตากัน!"<br />"ผมไม่ได้แหกตา" บาร์เทนเดอร์บอกเขา แล้วเดินไปหาคนเมาตรงมุมบาร์ "เฮ้, ลูอี้ คุณเห็นโครงกระดูกในนี้หรือเปล่า?"<br />"โครงกระดูก?" ลูอี้งึมงัม "พวกแกกำลังพูดถึงอะไร?"<br />"คุณบอกชายคนนี้หน่อยว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ตลอดเวลา" บาร์เทนเดอร์พูด<br />"บิลลี่อยู่ตรงนี้ทั้งคืนนะคุณคนแปลกหน้า แล้วก็ไม่มีใครเห็นโครงกระดูกด้วย"<br />"งั้นเอาสก็อตช์ออนเดอะร็อคส์ให้ผมเพิ่มอีกแก้ว" มังค์บอก "เดี๋ยวผมจะไปแล้ว"<br />บาร์เทนเดอร์ยื่นสก็อตช์ออนเดอะร็อคส์ให้ มังค์ดื่มแล้วออกไปจากร้าน.<br /><br />ชาร์ลส์ บูคาวสกี้ เขียน<br /><span style="color:#666666;">อาณัติ มาตรคำจันทร์</span> แปล<br />พิมพ์ครั้งแรก <strong><em>ดื่มเบียร์ที่มุมบาร์ </em></strong>2547lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-58681553976283217342006-11-18T19:38:00.000+07:002006-11-18T19:50:04.780+07:00วันที่ฝนตกไม่มีปี่มีขลุ่ยอากาศร้อนยาวนานต่อเนื่องในกรุงเทพฯ ทั้งที่ภูมิภาคเหนือขึ้นไปอากาศเริ่มหนาวเย็นลงบ้างแล้ว<br />แต่ที่นี่ (กรุงเทพฯ) ผมขอเรียกชื่อเล่นมันว่า "นรก" ให้ดูน่ารักขึ้นมาหน่อย ยังคงร้อนทุรน ระอุอ้าวราวไฟปะทุ<br />หากนับย้อนไปปีก่อนๆ เดือนพฤศจิกายนยังคงพอมีฝนบ้าง อาจถึงขั้นมีดีเปรสชั่นพัดผ่านเข้ามาให้เปียกเปรอะบ้าง แต่ปีนี้ ไม่มี มีแต่แดด แดด และแดด ร้อน...<br /><br />กระทั่งวันนี้ วันที่สมาคมดาราศาสตร์ทั่วโลกบอกว่าจะมีฝนดาวตกลีโอนิดส์ กลับมีฝนตกแทนที่ในช่วงหัวค่ำ ฝนตกแบบไม่มีอะไรบ่งบอกล่วงหน้า ไม่มีเมฆครึ้ม ไม่มีลมพัด มีแต่เพียงท้องฟ้าโล่งและแดดจ้าเท่านั้น ที่รู้สึกได้lushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-33734865.post-1160353107769270862006-10-09T07:13:00.000+07:002007-04-16T16:38:31.007+07:00ลัชเล่ม 5 กับการรอคอยที่ยาวนาน<a href="http://photos1.blogger.com/blogger/2345/3708/1600/lush5.jpg"><img style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="http://photos1.blogger.com/blogger/2345/3708/320/lush5.jpg" border="0" /></a><br />ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า ลัช เล่ม 5 ฉบับสัมภาษณ์สุชาติ สวัสดิ์ศรี จะคลอดในเดือนตุลาคมนี้แน่นอน<br /><br /><br />เราได้สัมภาษณ์คุณสุชาติในแง่มุมที่ไม่เคยเปิดเผบที่ไหนมาก่อน เป็นอย่างไรนั้นเตรียมรอทัศนา<br />และยังมีสัมภาษณ์ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า ซึ่งนอกจากเขาจะเป็นนักร้องและกวีแล้ว เขายังเป็นนักอ่านตัวยงอีกด้วย<br />ส่วนคอลัมน์อื่นๆ ยังคงอัดแน่นเปร๊ยะๆ ครบครันlushindiehttp://www.blogger.com/profile/09457369298395569208noreply@blogger.com0